มาเที่ยวน้ำตกเอราวัณกันเถอะ

น้ำตกเอราวัณเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และมีความสวยงาม อยู่บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ แบ่งออกเป็น 7 ชั้นใหญ่ๆ แต่เดิมน้ำตกเอราวัณมีชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องล่าย ซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตกอันเกิดจากยอดเขา ตาม่องล่ายในเทือกเขาสลอบ สายน้ำจะไหลบ่าลงมาตามชั้นหินเป็นระยะทาง ประมาณ 1,500 เมตร โดยแต่ละชั้นมีความสวยงามร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ อีกทั้งเถาวัลย์ซึ่งพันเกี่ยวไปมาบนต้นไม้ใหญ่ก็ดูแปลกตา
น้ำใสจนสามารถมองเห็นปลาตัวเขื่องที่กำลังแหวกว่ายไปมาภายใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสงสีฟ้าอมเขียวมรกต
สาเหตุของสีน้ำใสแบบนี้ มาจากลักษณะของภูเขาใน อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ ซึ่งเป็นเทือกเขาหินปูนอันเกิดจาก การทับถมขอพวกเปลือกหอย เปลือกปู หรือปะการัง ดังนั้นน้ำตกเอราวัณจึงมี แคลเซียมคาร์บอเนตเจือปนอยู่ น้ำตกหินปูนจึงมีน้ำใสในช่วงบน และมีการตกตะกอนขุ่นในช่วงล่าง เพราะฉะนั้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจึงสะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวมรกตสวยงามมาก
น้ำตกทั้ง 7 ชั้นมีชื่อเรียกดังนี้ ชั้น 1 ไหลคืนรัง ชั้น 2 วังมัจฉา ชั้น 3 ผาน้ำตก ชั้น 4 อกผีเสื้อ ชั้น 5 เบื่อไม่ลง ชั้น 6 ดงพฤกษา ชั้น 7ภูผาเอราวัณ น้ำตกในแต่ละชั้น มีความสวยงามอันแตกต่างกัน เวลาที่ใช้ในการชมน้ำตกทุกชั้นใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รวมเวลาทั้งขึ้นและลง
น้ำตกชั้นแรกเป็นชั้นที่มีปลาอาศัยอยู่มาก ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของ ปลาพลวง เป็นปลาน้ำจืดใน ลำตัวสีน้ำตาลเขียว เกล็ดโต มีหนวดยาว ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณธารน้ำตก ลำห้วย สีของน้ำชั้นนี้มี 2 สีอย่างเห็นได้ชัด คือน้ำสีฟ้าเขียวและน้ำใสแบบปกติ แต่ปลาพลวงชอบอาศัยอยู่ในน้ำใสมากกว่า
น้ำตกชั้น 2 มีความสวยงามอันมาจากม่านน้ำตก เบื้องหลังของม่านตกเป็นผาลึกเข้าไปเล็กน้อย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปยังหลังม่านน้ำตกนี้ได้
น้ำตกชั้น 3 มีน้ำตกตกลงมาจากผาชัน จากนั้นเมื่อเดินข้ามสะพานไม้มาก็จะเจอน้ำตกชั้น 4 ซึ่งมีชื่อว่า อกผีเสื้อ ที่มาของชื่อนี้เพราะรูปร่างของหินที่อยู่ในน้ำตกชั้นนี้ คล้ายกับหน้าอกของผู้หญิง หรือ หน้าอกของผีเสื้อสมุทรนั่นเอง
ชั้น 5 มีน้ำไหลตกลงมาตามชั้นหินเตี้ย หลายๆก้อนด้วยกัน เมื่อรวมกับน้ำสีฟ้าเขียวแล้วทำให้เกิดความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ชั้น 6 อุดมไปด้วยแมกไม้หลากหลายพันธุ์แต่โปร่งไม่รกทึบ ส่วนชั้นสุดท้าย หรือ ชั้น7 เมื่อน้ำตกไหลผ่านผาหินชั้นบน เมื่อมองดูจากไกลๆจะเหมือนกับ หัวช้างเอราวัณ หรือช้าง 3 เศียร นั่นเอง
บรรยายมาซะขนาดนี้แล้ว อดใจรออะไรอยู่ รีบเก็บกระเป๋าไปเที่ยวและชมความงามด้วยตัวเองสักครั้งสิครับ
Comments are Closed